สาขาอาชีพ
การออกแบบ แบ่งออกเป็นกี่ประเภท และมีอะไรบ้าง
1. การออกแบบทางสถาปัตยกรรม (Architecture Design) เป็นการออกแบบเพื่อ การก่อสร้าง สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ นักออกแบบสาขานี้ เรียกว่า สถาปนิก (Architect) ซึ่ง โดยทั่วไปจะต้องทำงานร่วมกับ วิศวกรและมัณฑนากร โดยสถาปนิก จะรับผิดชอบเกี่ยว กับประโยชน์ใช้สอยและความงามของสิ่งก่อสร้าง งานทางสถาปัตยกรรมได้แก่
- สถาปัตยกรรมทั่วไป เป็นการออกแบบสิ่งก่อสร้างทั่วไป เช่น อาคาร บ้านเรือน ร้านค้า โบสถ์ วิหาร ฯลฯ – สถาปัตยกรรมโครงสร้าง เป็นการออกแบบเฉพาะโครงสร้างหลักของอาคาร
- สถาปัตยกรรมภายใน เป็นการออกแบบที่ต่อเนื่องจากงานโครงสร้าง ที่เป็นส่วนประกอบของอาคาร
- งานออกแบบภูมิทัศน์ เป็นการออกแบบที่มีบริเวณกว้างขวาง เป็นการจัดบริเวณพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม
- งานออกแบบผังเมือง เป็นการออกแบบที่มีขนาดใหญ่ และมีองค์ประกอบซับซ้อน ซึ่งประกอบ ไปด้วยกลุ่มอาคารจำนวนมาก ระบบภูมิทัศน์ ระบบสาธารณูปโภค ฯลฯ
2. การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) เป็นการออกแบบเพื่อการผลิต ผลิตภัณฑ์ ชนิดต่าง ๆงานออกแบบสาขานี้ มีขอบเขตกว้างขวางมากที่สุด และแบ่งออกได้มากมายหลาย ๆ ลักษณะ นักออกแบบรับผิดชอบเกี่ยวกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามของ ผลิตภัณฑ์ งานออกแบบประเภทนี้ได้แก่
- งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์
– งานออกแบบครุภัณฑ์
– งานออกแบบเครื่องสุขภัณฑ์
– งานออกแบบเครื่องใช้สอยต่างๆ
– งานออกแบบเครื่องประดับ อัญมณี
– งานออกแบบเครื่องแต่งกาย
– งานออกแบบภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์
– งานออกแบบผลิตเครื่องมือต่าง ๆ ฯลฯ
3. การออกแบบทางวิศวกรรม (Engineering Design) เป็นการออกแบบเพื่อการผลิต ผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ เช่นเดียวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน ต้องใช้ ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีในการผลิตสูง ผู้ออกแบบคือ วิศวกร ซึ่งจะรับผิดชอบ ในเรื่องของประโยชน์ใช้สอย ความปลอดภัยและ กรรมวิธีในการผลิต บางอย่างต้องทำงาน ร่วมกันกับนักออกแบบสาขาต่าง ๆ ด้วย งานอกแบบประเภทนี้ได้แก่
– งานออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้า
– งานออกแบบเครื่องยนต์
– งานออกแบบเครื่องจักรกล
– งานออกแบบเครื่องมือสื่อสาร
– งานออกแบบอุปกณ์อิเลคทรอนิคส์ต่าง ๆ ฯลฯ
4. การออกแบบตกแต่ง (Decorative Design) เป็นการออกแบบเพื่อการตกแต่งสิ่งต่าง ๆให้สวยงามและเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น นักออกแบบเรียนว่า มัณฑนากร (Decorator) ซึ่งมักทำงานร่วมกับสถาปนิก งานออกแบบประเภทนี้ได้แก่
– งานตกแต่งภายใน (Interior Design)
– งานตกแต่งภายนอก (Exterior Design)
– งานจัดสวนและบริเวณ ( Landscape Design)
– งานตกแต่งมุมแสดงสินค้า (Display)
– การจัดนิทรรศการ (Exhibition) – การจัดบอร์ด
– การตกแต่งบนผิวหน้าของสิ่งต่าง ๆ เป็นต้น ฯลฯ
5. การออกแบบสิ่งพิมพ์ (Graphic Design) กราฟฟิคดีไซน์ เป็นการออกแบบเพื่อทางผลิตงานสิ่งพิมพ์ ชนิดต่าง ๆ ได้แก่
– หนังสือ หนังสือพิมพ์
– โปสเตอร์ – นามบัตร และบัตรต่าง ๆ
– งานพิมพ์ลวดลายผ้า
– งานพิมพ์ภาพลงบนสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ
– งานออกแบบรูปสัญลักษณ์ – เครื่องหมายการค้า ฯลฯ
6. การออกแบบเว็บไซต์ (Website Design) เป็นการออกแบบที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในขณะนี้ เพราะในปัจจุบันเว็บไซต์ต่างมีบทบาทในชีวิตของคนเรามากขึ้น ในทุกๆด้าน โดยเฉพาะด้านธุรกิจ ทำให้คนเราต้องการทำเว็บไซต์ และต้องการคนออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าของเว็บไซต์ โดยจะต้องมีเอกลักษณ์ และสื่อถึงสินค้าและบริการ หรือความเป็นตัวตนของเจ้าของเว็บไซต์ให้มากที่สุด นักออกแบบเว็บไซต์ถูกเรียกว่า Web Designer
หน้าที่
- บันทึกรายละเอียดความต้องการของลูกค้า
– ศึกษาโครงสร้างของงาน จัดดำเนินการออกแบบตกแต่ง คำนวณแบบ ประมาณราคาและเลือกวัสดุตกแต่งที่เหมาะสม
– ส่งแบบที่วาดและเสนองบให้ลูกค้าพิจารณา
– ปฏิบัติงาน และประสานงานกับระบบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- มีความสามารถในการรู้จักประยุกต์ใช้วัสดุที่มีในประเทศ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ และประโยชน์ใช้สอยสูงสุด - มีทักษะในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการช่วยวาดรูปหรือออกแบบ
- มีระเบียบวินัย เข้าใจถึงการบริการทางธุรกิจ
- มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ให้ความร่วมมือกับทีมงานดี และมีความสามารถในการประสานงาน
- มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และปรับปรุงความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา
- รู้แหล่งข้อมูลเพื่อซื้อหาวัตถุดิบ
- ออกแบบตกแต่งภายในอาคารบ้านเรือนให้ถูกหลักและตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อความปลอดภัย ประหยัดเหมาะสมกับภาวะสังคมและเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน
- มีความคิดสร้างสรรค์ ผลิตผลงานที่ไม่เหมือนใคร เป็นคนมีความละเอียดรอบคอบ
- ใส่ใจในความต้องการของลูกค้าว่าต้องการห้องประเภทไหน
– ศึกษางบประมาณที่ลูกค้าตั้งไว้ให้
– เขียนแบบร่างแสดงภาพแผนผัง (Perspective) โดยใช้มาตราส่วนที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้น แสดงให้เห็น ถนน ทางเท้า ตึกรามบ้านช่อง สะพาน รั้ว ท่อระบายน้ำโสโครก แนะนำชนิดของต้นไม้ ไม้พุ่ม และไม้ดอกให้ปลูกตามที่ต่างๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะที่ดินและกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมที่มีอยู่แล้ว ร่วมกับสถาปนิก มัฑณากร นำเสนอให้ลูกค้าพิจารณา
– เตรียมรายละเอียดและประมาณการราคา ควบคุมรายละเอียดของแบบแปลน
– ควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิด และต้องออกภาคสนามเพื่อตรวจดูงาน และแก้ไข ให้เป็นไปตามข้อตกลง
– มีความเข้าใจในรายละเอียดด้านวัสดุเป็นอย่างดี
– สามารถประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการตกแต่งได้อย่างเหมาะสม
– ทำงานใกล้ชิดกับผู้รับเหมาก่อสร้าง รู้วิธีการประสานงาน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
คุณสมบัติของอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาตกแต่งภายใน
2. มีความคิดสร้างสรรค์ ผลิตผลงานที่ไม่เหมือนใคร เป็นคนมีความละเอียดรอบคอบ
3. มีความสามารถในการรู้จักประยุกต์ใช้วัสดุที่มีในประเทศ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ และประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
4. มีทักษะในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการช่วยวาดรูปหรือออกแบบ
5. มีระเบียบวินัย เข้าใจถึงการบริการทางธุรกิจ
6. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ให้ความร่วมมือกับทีมงานดี และมีความสามารถในการประสานงาน
7. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และปรับปรุงความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา
8. รู้แหล่งข้อมูลเพื่อซื้อหาวัตถุดิบ
9. ออกแบบตกแต่งภายในอาคารบ้านเรือนให้ถูกหลักและตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อความปลอดภัย ประหยัดเหมาะสมกับภาวะสังคมและเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้
10. ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้คือ : เมื่อสำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า(สายวิทย์) สอบคัดเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยที่จัดสอนคณะหรือภาควิชาสถาปัตยกรรม ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย อาจไม่เหมือนกัน
รายได้ขั้นต่ำของอาชีพต่อเดือน
มัณฑนากรที่รับราชการจะได้รับเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา ถ้าทำงานกับภาคเอกชนจะได้รับเงินเดือนขั้นต้นอยู่ระหว่าง 15,000 – 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ในการฝึกงานขณะที่กำลังศึกษาอยู่ และได้รับสวัสดิการตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด และสิทธิประโยชน์อื่น เช่น โบนัส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น